ERP : Enterprise Resource Planning.

MRP : Material Requirement Planning

 

องค์กรยุคใหม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IT (Information Technology) เพื่อเพิ่มศักยภาพขององค์กรในทุกๆด้าน หนึ่งในหลายๆระบบที่องค์กรมองหาเพื่อพัฒนา ศักยภาพใน การผลิต คือ ระบบ MRP (Materials Requirement Planning) ซึ่งเป็นระบบช่วยวางแผนทางด้านการผลิต การจัดการวัตถุดิบและเครื่องจักร ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิต (Manufacturer) สามารถบริหารปริมาณสินค้าคงคลังและมีการใช้ทรัพยากรเพื่อการผลิตให้มี ประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคำนวณราคาต้นทุน ในการผลิตที่แท้จริงได้อีกด้วย Forma MRP สามารถทำงานแยกอิสระ หรือเชื่อมโยงกับระบบ Forma Financial ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ได้กับอุตสาหกรรมในหลายประเภท ทั้งแบบการผลิตตามสั่ง (Make to Order) และแบบการผลิตเพื่อเก็บเข้าคลัง (Make to Stock), แบบ Discrete , Repetitive, Assembly, Batch และ Job Shop

Feature MRP
  • คำนวณความต้องการวัตถุดิบ(MRP : Material Requirement Planning) ตรวจสอบสินค้าคงคลัง หากไม่พอโปรแกรมจะสร้างใบขอซื้อให้อัตโนมัติ
  • รองรับการสร้างเอกสารต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ ทั้งการวางแผนการผลิตและวางแผนการสั่งซื้อ (Run MRP)
  • Production Planning วางแผนการผลิตล่วงหน้า และสามารถเปลี่ยนแปลงแผนการผลิตได้(กรณี Hot Order)
  • รองรับการบริหารสินค้าทั้งแบบ BOI และ Non-BOI
  • การวางแผนกำลังการผลิต (Capacity Planning) สามารถบริหาร Shop Floor ได้
  • รองรับการจัดทำ BOM (Bill of Material) ได้หลายระดับ และไม่จำกัดชั้น (Multi-level)
  • สูตร BOM มีหลาย Revision ได้
  • สินค้าหนึ่งตัวมีหลาย BOM ได้
  • รองรับการระบุ วัตถุดิบทดแทนสำหรับการเบิกไปผลิตหากวัตถุดิบหลักหมด
  • รองรับที่มาของสินค้าหรือวัตถุดิบที่หลากหลายเช่น การจ้างผลิตภายนอก (Out Source) การสั่งซื้อ การผลิตเอง
  • รองรับชนิดการผลิตทั้งแบบ Batch และเป็นชิ้น ๆ
  • รองรับการจัดเก็บข้อมูลต่างๆของเครื่องจักรได้ทั้ง กลุ่มเครื่องจักร และ work center
  • รองรับกระบวนการ QC ในระบบ อย่างสมบูรณ์
  • ต้นทุนการผลิต (Job Costing) ตรวจสอบต้นทุนจากการผลิตซึ่งเกิดจาก วัตถุดิบทางตรง(DM.)+ค่าแรงทางตรง(DL.)+ค่าโสหุ้ย(OH.) ได้ในแต่ละขั้นตอนการผลิต
  • รองรับการเก็บข้อมูล Lot Traceability
  • สามารถวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตอย่างแท้จริง (Actual Cost)
  • รองรับการบันทึกของเสีย (NG) จากการผลิตแต่ละครั้ง
  • โปรแกรมเป็นแบบ Multi Factory
  • เชื่อมต่อข้อมูลต้นทุนเข้าสู่ระบบบัญชีได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อใช้โปรแกรมแล้ว   แต่ละฝ่ายจะได้อะไร

ฝ่ายบริหาร และผู้ถือหุ้น
1. มีระบบข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อใช้ในการตัดสินใจการบริหารจัดการองค์กร
2. มีระบบงานที่เป็นมาตรฐานง่ายต่อการบริหารงาน ,การปฏิบัติงาน และการติดตามตรวจสอบภายในองค์กร
3. ลดต้นทุนการผลิต และการบริหารจัดการ ภายในองค์กร
4. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านธุรกิจ ให้เหนือคู่แข่ง
5. มีโอกาสที่จะสร้างผลกำไรให้กับองค์กรมากยิ่งขึ้น
6. เตรียมพร้อมทางด้านเทคโนโลยี ,ข้อมูล ,และระบบงาน ต่อการขยายหรือการเจริญเติบโตขององค์กรต่อไปในอนาคต

ฝ่ายตลาดและการขาย
1. สามารถตรวจสอบสต๊อกสินค้าสำเร็จรูปคงเหลือได้อัตโนมัติ
2. สามารถเช็คเครดิตของลูกค้าแต่ละรายได้อัตโนมัติ
3. สามารถตรวจสอบกำลังการผลิต และแผนการผลิตของฝ่ายผลิตได้
4. สามารถประมาณการต้นทุนการผลิตของสินค้าแต่ละตัว หรือวิเคราะห์ตามใบสั่งซื้อของลูกค้าได้
5. สามารถกำหนดราคาขายในแต่ละสินค้าได้หลายระดับตามกลุ่มลูกค้า
6. สามารถขายสินค้าได้หลายสกุลเงินเงินตราต่างประเทศ
7. สามารถดูประวัติการขายสินค้าตามกลุ่มลูกค้า / ลูกค้า /พนักงานขาย /กลุ่มสินค้า /สินค้า ได้
8. สามารถติดตามความก้าวหน้าในการผลิตของแต่ละลูกค้าหรือแต่ละใบสั่งขายได้
9. สามารถติดตามการส่งสินค้าให้กับลูกค้าแต่ละรายได้
10. สามารถตรวจสอบสถานะการจ่ายเงินของลูกค้าแต่ละราย
11. มีระบบรายงานต่างๆทั้งในรูปแบบการฟฟิกและข้อมูล ที่พร้อมจะนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือส่งต่อให้ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวก้องได้

ฝ่ายวางแผนการผลิต
1. สามารถวางแผนการการผลิตตามช่วงระยะเวลาต่างๆได้ตามต้องการ ( Planning )
2. สามารถรองรับกับการผลิตสินค้าได้ทั้งแบบ Made to Order หรือ Made to Stock
3. สามารถปรับแผนการผลิตได้ตามความต้องการ
4. สามารถสร้างสูตรการผลิตได้ง่ายรองรับกับทุกประเภทอุตสาหกรรม และกำหนดสูตรการผลิตได้ไม่จำกัดระดับในการผลิต
5. สามารถตรวจสอบกำลังการผลิตได้อัตโนมัติ (Capacity) ว่าใช้อยู่เท่าไหร่ และวางอยู่เท่าไหร่
6. สามารถตรวจสอบความต้องการวัตถุดิบที่จะใช้ในการผลิตตามใบสั่งซื้อของลูกค้า (Material Requirement)
7. สามารถตรวจสอบการเบิกใช้วัตถุดิบของแต่ละใบสั่งผลิตได้ ( Cross Check Material Issue Report )
8. มีรายงานติดตามการจัดซื้อและแผนการรับวัตถุดิบของฝ่ายจัดซื้อได้ ( Purchase Order Delivery Report )
9. สามารถประมาณการ ต้นทุนการผลิต (Costing) ได้ตามใบสั่งผลิตแต่ละใบ ( Job Cost Report ) ในส่วนค่าวัตถุดิบ , ค่าแรงงาน , ค่า Overhead ของแต่ละระดับในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปหรือ Semi
10. สามารถตรวจสอบสถานะวัตถุดิบในสต๊อกตามแผนการผลิตได้อัตโนมัติ ( Forecast Material ) ว่ามีอยู่เท่าไหร่ ,รอรับจากการซื้ออยู่เท่าไหร่ ,ต้องการใช้ปริมาณเท่าไหร่และต้องการใช้วันที่เท่าไหร่ ,ฝ่ายจัดซื้อต้องซื้อเพิ่มเท่าไหร่ และต้องสั่งซื้อวันไหน
11. สามารถสั่งผลิตไปยังฝ่ายผลิตได้อัตโนมัติตามแผนผลิตที่วางไว้ ( Bath Order )
12. สามารถพิมพ์หมายเลข  Serial หรือบาร์โค้ดติดสินค้า/Semi  ตามใบสั่งผลิต
13. สามารถวิเคราะห์และยืนยันการส่งสินค้าให้กับลูกค้าหรือฝ่ายขาย( Grant ) ได้อัตโนมัติ
14. สามารถวิเคราะห์และสั่งจ้างการผลิตแก่ผู้รับเหมาช่วงได้อัตโนมัติ ( Sub Contract )
15. สามารถติดตามความก้าวหน้าในการผลิตโดยเปรียบเทียบกับแผนการผลิตที่ได้วางไว้ ( Plan Tracking Report )
16. สามารถติดตามความก้าวหน้าในการผลิตของลูกค้าแต่ละรายได้ ( Order Tracking Report )
17. สามารถติดตามความก้าวหน้าในการผลิตทั้งโรงงานได้ ( Job Floor Control Report )

18. สามารถติดตามสถานะของสต๊อกได้ทั้ง 3 ประเภท คือ สต๊อกวัตถุดิบ(Material) ,สต๊อกในLineผลิต (Work in Process ) , คลังสินค้าสำเร็จรูป ( Inventory Control )
19. มีระบบรายงานต่างๆทั้งในรูปแบบการฟฟิกและข้อมูล ที่พร้อมจะนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือให้ฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวก้อง

ฝ่ายผลิต
1. มีเป้าหมายในการผลิตที่ถูกต้องและชัดเจนตามแผนการผลิตที่วางไว้ ในเรื่องระยะเวลา ,กำลังการผลิต และวัตถุดิบที่ใช้ผลิต
2. มีระบบการขอเบิกวัตถุดิบอัตโนมัติเป็นไปตามใบสั่งผลิต ( Material Requisition )
3. สามารถตรวจสอบสถานะวัตถุดิบในสต๊อกตามแผนการผลิตได้อัตโนมัติ ( Forecast Material ) ว่ามีอยู่เท่าไหร่ ,รอรับจากการซื้ออยู่เท่าไหร่ ,ต้องการใช้ปริมาณเท่าไหร่และต้องการใช้วันที่เท่าไหร่ ,ฝ่ายจัดซื้อต้องซื้อเพิ่มเท่าไหร่ และต้องสั่งซื้อวันไหน
4. มีรายงานติดตามการจัดซื้อและแผนการรับวัตถุดิบของฝ่ายจัดซื้อได้ ( Purchase Order Delivery Report )
5. สามารถตรวจสอบการเบิกใช้วัตถุดิบของแต่ละใบสั่งผลิตได้ ( Cross Check Material Issue Report )
6. มีระบบรายงานผลการผลิตที่ได้รับจริงประจำวัน ( Assembly Report )
7. มีระบบติดตามและควบคุมคุณภาพของผลการผลิต ( Quality Control )
8. มีระบบบริหารและจัดการเกี่ยวกับผลการสูญเสียที่เกิดจากการผลิต ( Loss Control )
9. สามารถติดตามความก้าวหน้าในการผลิตโดยเปรียบเทียบกับแผนการผลิตที่ได้วางไว้ ( Plan Tracking Report )
10. สามารถติดตามความก้าวหน้าในการผลิตของลูกค้าแต่ละรายได้ ( Order Tracking Report )
11. สามารถติดตามความก้าวหน้าในการผลิตทั้งโรงงานได้ ( Job Floor Control Report )
12. สามารถติดตามสถานะของสต๊อกได้ทั้ง 3 ประเภท คือ สต๊อกวัตถุดิบ(Material) ,สต๊อกในLineผลิต (Work in Process ) , สต๊อกสินค้าสำเร็จรูป ( Inventory Control )
13. มีระบบรายงานต่างๆทั้งในรูปแบบการฟฟิกและข้อมูล ที่พร้อมจะนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือให้ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวก้อง

ฝ่ายจัดซื้อ
1. มีแผนในการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ถูกต้องและชัดเจน ซึ่งวิเคราะห์มาจากความต้องการวัตถุดิบโดยฝ่ายจัดซื้อสามารถซื้อให้สอดคล้องกับแผนการผลิตของฝ่ายวางแผน และความต้องการวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิตของฝ่ายผลิต
2. มีรายงานประวัติของผู้ขายและประวัติการซื้อวัตถุดิบครั้งล่าสุด ทำให้มีข้อมูลประกอบการต่อรองราคาซื้อกับผู้ขายแต่ละราย และมีความรวดเร็วในการจัดซื้อ 
3. มีระบบบริหารราคาขายวัตถุดิบของผู้ขายแต่ละราย ( Material Price List )
4. สามารถตรวจสอบสถานะวัตถุดิบในสต๊อกตามแผนการผลิตได้อัตโนมัติ (Forecast Material) ว่ามีอยู่เท่าไหร่ ,รอรับจากการซื้ออยู่เท่าไหร่,ฝ่ายผลิตต้องการใช้ปริมาณเท่าไหร่และต้องการใช้ในวันที่เท่าไหร่,ฝ่ายจัดซื้อต้องซื้อเพิ่มเท่าไหร่และต้องสั่งซื้อวันไหน
5. มีระบบบริหารเรื่องระยะเวลาในการสั่งซื้อ และการจัดส่งวัตถุดิบของผู้ขายแต่ละราย ( Lead Time )
6. มีรายงานติดตามสถานะของใบสั่งซื้อแต่ละใบ ว่าผู้ขายได้ส่งวัตถุดิบหรือยัง ,สต๊อกได้รับวัตถุดิบหรือยัง
7. มีระบบรายงานต่างๆทั้งในรูปแบบการฟฟิกและข้อมูล ที่พร้อมจะนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือให้ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวก้อง

ฝ่ายสต๊อกวัตถุดิบ
1. สามารถรับ และส่งคืนวัตถุดิบจากจากการสั่งซื้อได้อัตโนมัติ
2. สามารถบันทึกยืนยันการเบิกวัตถุดิบจากฝ่ายผลิตได้อัตโนมัติ
3. มีระบบบริหารจุดต่ำสุดของวัตถุดิบในสต๊อก
4. มีระบบบริหารอายุของวัตถุดิบแต่ละตัวในสต๊อก
5. มีระบบบริหารเรื่อง LOT ของวัตถุดิบแต่ละตัว
6. มีระบบบริหารปริมาตรและพื้นที่ว่างคงเหลือในการจัดเก็บวัตถุดิบของแต่ละสต๊อก
7. มีระบบรายงานติดตามความเคลื่อนไหวทุกกิจกรรมของวัตถุดิบแต่ละตัว
8. มีรายงานคงเหลือของวัตถุดิบแต่ตัว และแต่ละสต๊อก
9. มีระบบรายงานต่างๆทั้งในรูปแบบการฟฟิกและข้อมูล ที่พร้อมจะนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือให้ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวก้อง

ฝ่ายคลังสินค้าสำเร็จรูป
1. สามารถรับสินค้าสำเร็จรูปจากการผลิตเข้าเก็บไว้ในคลังสินค้าโดยอัตโนมัติ
2. สามารถบันทึกยืนยันการเบิกสินค้าสำเร็จรูปเพื่อส่งให้ลูกค้าจากฝ่ายขายได้อัตโนมัติ
3. มีระบบบริหารจุดต่ำสุดของสินค้าสำเร็จรูปในคลังสินค้า
4. มีระบบบริหารอายุของสินค้าสำเร็จรูปแต่ละตัวในคลังสินค้า
5. มีระบบบริหารเรื่อง LOT ของสินค้าแต่ละตัว
6. มีระบบบริหารปริมาตรและพื้นที่ว่างคงเหลือในการจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูปของแต่ละคลังสินค้า
7. มีระบบรายงานติดตามความเคลื่อนไหวทุกกิจกรรมของสินค้าสำเร็จรูปแต่ละตัว
8. มีรายงานคงเหลือของสินค้าสำเร็จรูปแต่ละตัว ในแต่ละคลังสินค้า
9. มีระบบรายงานต่างๆทั้งในรูปแบบกราฟฟิกและข้อมูล ที่พร้อมจะนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือให้ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ฝ่ายบัญชีลูกหนี้
1. ระบบมีการเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติจากระบบการขาย ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดและการทำงานที่ซ้ำซ้อน
2. ระบบสามารถลงบัญชีลูกหนี้ให้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการลงบัญชี
3. มีรายงานแสดงยอดลูกหนี้คงเหลือ เพื่อไว้ประมาณการรายรับของบริษัทในแต่ละช่วงเวลา
4. มีรายงานรายละเอียดของลูกหนี้ เพื่อไว้วิเคราะห์ความเคลื่อนไหวต่างๆของลูกหนี้แต่ละราย
5. มีรายงานวิเคราะห์อายุลูกหนี้แต่ละราย เพื่อไว้ติดตามหนี้และวิเคราะห์การชำระเงินของลูกหนี้
6. มีรายงานลูกหนี้ตามฝ่ายและโครงการ เพื่อไว้วิเคราะห์ผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆในบริษัท
7. มีรายงานวิเคราะห์กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่เราได้ขายสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศ
8. มีรายงานภาษีขายประชำเดือน เพื่อไว้พิมพ์นำส่งให้กับกรมสรรพากร

ฝ่ายบัญชีเจ้าหนี้
1. ระบบมีเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติมาจากระบบต้นทุนและสต๊อกวัตถุดิบ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดและการทำงานที่ซ้ำซ้อน
2. ระบบสามารถลงบัญชีเจ้าหนี้ให้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการลงบัญชี
3. มีรายงานแสดงยอดเจ้าหนี้คงเหลือ เพื่อไว้ประมาณการรายจ่ายของบริษัทในแต่ละช่วงเวลาได้
4. มีรายงานรายละเอียดของเจ้าหนี้ เพื่อไว้ติดตามและวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวต่างๆของเจ้าหนี้แต่ละรายได้
5. มีรายงานวิเคราะห์อายุเจ้าหนี้แต่ละราย เพื่อไว้ติดตามความเป็นหนี้ และวิเคราะห์การชำระเงินให้กับเจ้าหนี้ได้
6. มีรายงานเจ้าหนี้ตามฝ่ายและโครงการ เพื่อไว้วิเคราะห์ยอดหนี้ของหน่วยงานต่างๆในบริษัท
7. มีรายงานวิเคราะห์กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่เราได้ซื้อวัตถุดิบจากเจ้าหนี้ต่างประเทศ
8. มีรายงานภาษีซื้อประชำเดือน เพื่อไว้พิมพ์นำส่งให้กับกรมสรรพากร

ฝ่ายบัญชีการเงินรับ-จ่าย
1. ระบบมีการเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติมาจากระบบบัญชีลูกหนี้-เจ้าหนี้ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดและการทำงานซ้ำซ้อน
2. สามารถจัดทำใบเสร็จรับเงิน-จ่ายเงิน เพื่อจัดส่งให้ลูกค้ากรณีที่จ่ายเงิน
3. สามารถจัดทำใบสำคัญรับ-จ่ายเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานทางบัญชี
4. สามารถเคลียร์ใบแจ้งหนี้ตามยอดที่ลูกหนี้ชำระได้ โปรแกรมสามารถทยอยรับเงินเป็นงวดจากใบแจ้งหนี้ได้เพื่อลดการเสียโอกาสในการรับเงินจากลูกหนี้
5. มีระบบบริหารเกี่ยวกับเช็คที่รับ-จ่าย เช่น นำเช็คฝากธนาคาร , ยกเลิกเช็คในกรณีที่เช็คไม่ผ่าน และรายงานเกี่ยวกับเช็ครับ
6. มีระบบรายงานยอดเงินฝากคงเหลือในแต่ละบัญชี
7. มีระบบรายงานวิเคราะห์การหมุนเวียนของกระแสเงินสดในบริษัท
8. มีระบบรายงานการรับเงินประจำเดือน
9 มีระบบบริหารเกี่ยวกับเช็คจ่าย เช่น พิมพ์เช็ค ,จ่ายเช็ค ,รายงานเกี่ยวกับเช็ค
10-9. มีระบบรายงานยอดเงินฝากคงเหลือในแต่ละบัญชี
10. มีระบบรายงานวิเคราะห์การหมุนเวียนของกระแสเงินสดในบริษัท
11. มีระบบรายงานการรับ-จ่ายเงินประจำเดือน

ฝ่ายบัญชีแยกประเภท
1. ระบบมีการเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติมาจากระบบบัญชีลูกหนี้ , เจ้าหนี้ , การเงิน , เงินทดรองจ่าย
2. มีระบบบริหารเกี่ยวกับงบประมาณประจำปี
3. สามารถออกแบบรายงานงบการเงินต่างๆ ได้เองตามความต้องการ
4. ทุกระบบบัญชีโปรแกรมจะลงบัญชีให้อัตโนมัติ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามต้องการ
5. สามารถเรียกดูข้อมูลทางด้านบัญชีย้อยหลังในปีเก่าได้ไม่จำกัดปีขึ้นอยู่กับจำนวนข้อมูลที่มีอยู่
6. มีโปรแกรมปรับปรุง ในกรณีที่การทำงานผิดพลาด หรือได้ปิดยอดประเดือนไปแล้ว
7. การลงบัญชีใช้หลักการลงแบบ 3 มิติ คือ บัญชี ,ฝ่าย ,โครงการ ทำให้มีข้อมูลรองรับกับความต้องการของฝ่ายต่างๆ
8. มีระบบรายงานเพื่อไว้ติดตามและตรวจสอบทุกขั้นตอนปฏิบัติงาน
9. ระบบโปรแกรมสามารถเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติไปยังฝ่ายอื่นๆ ซึ่งช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน
10. สามารถออกแบบฟอร์มต่างๆได้เองตามต้องการ เช่น ฟอร์มเช็ค ,ใบสำคัญรับ ,ใบสำคัญจ่าย
11. มีระบบรายงานต่างๆทั้งในรูปแบบการฟฟิกและรูปแบบข้อมูล ที่พร้อมจะนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือให้ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวก้อ

ฝ่ายคอมพิวเตอร์
1. สะดวกต่อการสร้างแผนงานและงบประมาณของฝ่ายประจำปี เพราะมีระบบงานที่รับผิดชอบชัดเจน
2. สะดวกต่อการดูแลและบำรุงรักษาระบบข้อมูลและตัวโปรแกรม
3. มีโอกาสที่จะสร้างผลงานและการยอมรับจากฝ่ายบริหารและเพื่อนร่วมงาน
4. มีโอกาสที่จะได้ใช้ทักษะและความรู้ทางด้านวิชาชีพมากยิ่งขึ้น
5. มีโอกาสที่จะเพิ่มพูนความรู้โดยรวมของภาคธุรกิจโดยศึกษาจากระบบโปรแกรม เช่น หลักการบริหารการผลิต ,หลักการบัญชี
6. เพิ่มประสบการณ์ ในการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสาระสนเทศ ที่มีความสมบูรณ์ทั้งองค์กร
7. สะดวกต่อการสร้างงานและพัฒนาระบบงานเพิ่มเติมในฝ่ายต่อไปในอนาคต
8. สะดวกต่อการติดตามและประเมินผลงาน ทั้งในส่วนของทีมงานและผู้ใช้
9. สร้างผลสำเร็จทางด้านเทคโนโลยีและระบบข้อมูลให้กับองค์กร

  พิมพ์  

 

 
Success Story |Download |Interesting | Maintenance | Support&Service |Implement